1. /
    หมวดหมู่สินค้าทั้งหมด
  2. /
    รถบรรทุก
  3. /
    6ล้อ (หกล้อ)
  4. /
    กลาง
  5. /
    โม่ผสมปูน มิกเซอร์
  6. /
    FAW
  7. /
    XDV
  8. /
    บุรีรัมย์

เลขไมล์ การใช้งาน

-

รถบรรทุก 6ล้อ (หกล้อ) กลาง โม่ผสมปูน มิกเซอร์ FAW XDV บุรีรัมย์ มือสอง

0 รายการ

ช่วงราคา
-
ปีจดทะเบียน
-
เรียงตาม

ล้างตัวกรอง

กลาง
โม่ผสมปูน
FAW
XDV
บุรีรัมย์
สินค้าหมด

ยังไม่มีสินค้า “รถบรรทุก 6ล้อ (หกล้อ) กลาง โม่ผสมปูน มิกเซอร์ FAW XDV บุรีรัมย์ มือสอง” ลงขายในขณะนี้

รถบรรทุก 6ล้อ
กลาง
โม่ผสมปูน
FAW
XDV
บุรีรัมย์
กรุณากลับมาค้นหาอีกครั้งในภายหลัง หรือ ให้ทีมงานของเราช่วยหาสินค้า คลิกเลย!

5 เคล็ดลับเลือก รถบรรทุกมือสอง 6ล้อ เช็คอะไรบ้าง

5 เคล็ดลับเลือก รถบรรทุกมือสอง 6ล้อ เช็คอะไรบ้าง ก่อนตัดสินใจซื้อคำถามยอดฮิตสำหรับคนที่จะกระโดดเข้ามาร่วมวงการ รถบรรทุก มือสอง ซึ่งแตกต่างจากรถบ้านค่อนข้างมาก เพราะ รถบรรทุกคือรถใช้งาน และ ใช้เพื่อทำมาหากิน ถ้าเจอของดีต้นทุนในการดูแลก็ต่ำ

ยิ่งในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจย่ำแย่ การซื้อรถใหม่เลยอาจจะเป็นปัญหาในด้านการเงินสำหรับหลายๆคน รวมไปถึงตอนนี้รถใหม่ขาดตลาดอันเนื่องมาจากปัญหาการผลิตชิป หรือ ที่เรียกว่า semiconductor ทำให้มีหลายคนหันมาหา รถบรรทุกมือสอง 6ล้อ มากขึ้น

ในอีกมุมหนึ่งหลายๆคนไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ จึงต้องปลดภาระออกไปทำให้ต้องขายรถบรรทุกที่เคยใช้ทำมาหากินออกไปเพื่อนำเงินมาหมุนเวียนด้านอื่นๆแทน

แต่ทั้งผู้ซื้อผู้ขาย ควรจะรู้สิ่งที่ควรเช็คก่อนจะซื้อขายรถบรรทุกมือสอง ว่าการซื้อรถบรรทุกที่เป็น รถมือสอง นั้น ต้องเช็คอะไร ไปดู 5 Check กันเลยครับ

ซื้อรถบรรทุกมือสองเช็คอะไรบ้าง

1. เช็คประวัติผู้ซื้อ

การซื้อรถบรรทุกมือสองออนไลน์ เราอาจจะยังไม่เคยเห็นหน้าคนขายมาก่อน ผู้ขายอาจจะมีหลากหลายประเภท ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจประเภทผู้ขายกันก่อน

  • เต๊นท์รถ ส่วนใหญ่เป็นผู้ขายที่มีตัวตน มีหลากหลายขนาด อยู่ในหลายพื้นที่ กลุ่มพวกเต๊นท์รถเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างมีความน่าไว้วางใจสูง แต่อย่างไรก็ตามก่อนซื้อเราต้องเช็คให้ชัดเจนว่า เต๊นท์มีตัวตน เต๊นท์นี้ยังดำเนินกิจการอยู่

    เทคนิค : ใช้ Google Map หรือ Social Media แล้ว search หาชื่อเต๊นท์
เต๊นท์รถมือสอง
  • นายหน้า นายหน้าคือคนที่มีหน้าที่ในการช่วยหาลูกค้า ช่วยทำการตลาด ช่วยต่อรอง ซึ่งนายหน้ามีทั้งกลุ่มที่เป็นนายหน้าในนามบริษัท และ นายหน้าอิสระ ซึ่งผู้ซื้ออาจจะต้องซักถามประวัติของนายหน้าสักนิดก่อน เช่น ข้อมูลเบื้องต้น และ เป็นนายหน้าประเภทไหน นอกจากนี้เนื่องจากการเป็นนายหน้า จึงไม่ใช่เจ้าของรถจริงๆ เราจึงต้องถามรายละเอียดของเจ้าของรถด้วยเช่นเดียวกัน
  • เจ้าของขายเอง กลุ่มสุดท้ายเป็นเจ้าของรถ ญาติ หรือ บริษัท ที่อยากจะขายรถเก่าออกไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ แต่ตั้งขายด้วยตัวเอง ในมุมของราคามักจะมีราคาที่ถูกกว่าเต๊นท์หรือนายหน้า เพราะจะไม่มีการบวกกำไรเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มเจ้าของขายเองไม่ได้เชี่ยวชาญในการตั้งราคา บางครั้งอาจจะตั้งราคาที่สูงเกินไปได้เช่นกัน

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรตรวจสอบคือ เจ้าของคนนี้ น่าไว้ใจแค่ไหน อย่างใน Truck2Hand จะมีสัญลักษณ์การยืนยันตัวตนอยู่ ซึ่งหมายถึง
  • การยืนยันบัตรประชาชนแล้ว ✔
  • การยืนยันบัญชีธนาคารแล้ว ✔
  • การยืนยันหมายเลขโทรศัพท์แล้ว ✔
ระดับสมาชิก Truck2hand

2. เช็คประวัติ รถบรรทุกมือสอง 6 ล้อ

การเช็คประวัติรถสามารถทำได้ โดยการดูเล่มทะเบียนรถ ซึ่งเราจะทราบวันที่จดทะเบียนครั้งแรกของรถ และ วันที่จดทะเบียนล่าสุด ทำให้เรารู้อายุรถ ส่วนประวัติการเข้าศูนย์บริการเราจะดูได้จากสมุดบันทึกการเข้าบริการ ส่วนประวัติอื่นๆ เช่น ประวัติการเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วน การดัดแปลง และ ประวัติการเกิดอุบัติเหตุ ต้องเกิดจากการสอบถามกับเจ้าของรถ

อีกสิ่งหนึ่งที่ควรดูคือ เลขกิโล เพื่อดูว่ารถใช้มาแล้วนานหรือยัง เหมาะสมกับราคาที่ผู้ขายตั้งไว้หรือไม่ สพหรับรถบรรทุกใช้งานการเห็นเลขกิโลเป็นหลักแสนนี่ถือว่าปกตินะครับ อาจจะไปเทียบกับของรถบ้านทั่วไปไม่ได้ เพราะรถบรรทุกวิ่งกันไม่กี่เดือนก็แสนกิโลละครับ

ซื้อรถบรรทุกมือสองเช็คอะไรบ้าง

3. เช็คสภาพรถภายนอก สภาพภายใน

  • สภาพตัวถังรอบรถ และ สี เริ่มจากกการเช็คภายนอกก่อน โดยปกติก็จะดูสภาพสีโดยรวมของรถ ดูรอบสนิมที่ตัวถัง ถ้าจะดูลึกลงไปอีกคือความหนาของสี ซึ่งจะทำให้เราพอจะรู้ได้ว่ารถเคยเกิดอุบัติเหตุมาหรือไม่ ถ้าเห็นรอยโป๊วหนาๆ ก็พอจะเดาได้ว่าเคยเกิดอุบัติเหตุหนักมาก่อน หรือซ่อมสีมาแล้วหลายครั้ง ส่วนรอยสนิมถ้าผู้ซื้อไม่พอใจอยากให้ผู้ขายช่วยแก้ไขนี่ต้องคุยกันก่อนจะตัดสินใจซื้อนะครับ
  • สภาพแชสซี สภาพแชสซี ถ้าดูจากภายนอกคือดูว่ามีการซ่อมแซมแชสซีมาก่อนหรือเปล่า ส่วนวิธีการดูนั้นอาจจะต้องเทียบกับรถรุ่นเดียวกันที่เราเคยใช้ ซึ่งรอยต่อแชสซีต้องเหมือนกันๆ ครับ ส่วนร่องรอยการดัดซ่อมแซมแชสซีเห็นได้จากสภาพของเหล็กแชสซีเช่นเดียวกัน
  • สภาพยาง สภาพยางเช็คได้หลายๆจุด อย่างจุดแรกดูได้จากปีที่ผลิตของยางก่อนเลยว่ามีอายุกี่ปีแล้ว ถ้า 3-5ปีก็ควรพิจารณาเปลี่ยนยาง รวมไปถึงสภาพดอกยางถ้าดอกยางตื้นแล้วก็ควรต้องเปลี่ยน ซึ่งการเปลี่ยนจะคุยกับผู้ขายเพื่อเปลี่ยนก่อนหรือตัดสินใจขายตามสภาพ แล้วผู้ซื้อไปเปลี่ยนเองทีหลัง
ยางรถบรรทุก
  • ยางอะไหล่ และ เครื่องมือ ตรวจดูว่ายางอะไหล่ยังมีอยู่หรือไม่ รวมไปถึงเครื่องมืออุปกรณ์ติดรถว่ายังมีอยู่ครบ
    
  • ระบบไฟ ถ้ามีโอกาสได้ขึ้นไปทดลองใช้ ให้ลองสตาร์ทและเช็คระบบไฟฟ้า ไฟเลี้ยว ไฟหน้า ไฟสูง ไฟตัดหมอก ไฟถอย รวมไปถึงไฟในเก๋งด้วย
ยางอะไหล่

สุดท้ายถ้าเจออะไรที่สภาพไม่ได้โอเคตามที่หวังไว้ ก็อย่าเพิ่งถอดใจไป แต่ต้องเปรียบเทียบกับราคาด้วยซึ่งเจ้าของรถอาจจะทราบอยู่แล้วว่ามีปัญหาอะไรบ้าง ซึ่งอาจจะตั้งราคาลดต่ำลงไปแล้วก็ได้

4. เช็คสภาพเครื่องยนต์ เกียร์ ต้องทดลองขับ

นอกจากฟังเสียงตอนเครื่องยนต์เดิน ดูสภาพภายนอกเครื่องและเกียร์แล้ว การทดลองขับคือวิธีที่ดีที่สุดที่จะรู้ว่ารถที่เราซื้อสภาพยังดีอยู่ ตั้งแต่สตาร์ทเครื่องยนต์ฟังเสียงการเดินเครื่องยนต์ว่ามีเสียงสะดุดหรือไม่ เมื่อออกรถแล้วลองเข้าเกียร์ต่างๆ ต้องเข้าง่ายและลื่นไหลตามปกติ

ในส่วนการเช็คคลัทช์ เมื่อเหยียบคลัทช์ลงไปแล้วต้องรู้สึกว่าไม่ลึกจนเกินไป ถ้ารู้สึกว่าต้องเหยียบลึกอาจจะหมายถึงคลัทช์ใกล้หมดแล้ว ยื่งถ้าคลัทช์ใกล้หมดแต่เลขไมล์ดูน้อยผิดปกติ ให้ตั้งข้อสังเกตเลยครับว่าน่าจะมีการกลับเลขกิโล

เสียงพัดลม และ ระบบแอร์ก็เป็นอีกส่วนที่ควรต้องเช็คเพราะถ้าพังขึ้นมาค่าซ่อมของแท้นี่ไม่น่าคบหากันเลยครับ ถ้าคอมเพรสเซอร์แอร์มีเสียงดังมากเวลาแอร์ทำงาน แปลว่าคอมแอร์น่าจะมีปัญหาละครับ

สุดท้ายปล่อยรถสตาร์ทไว้เหมือนเดิมแล้วดูสีควันจากท่อไอเสีย หากมีควันขาวจำนวนมากแปลว่าเครื่องอาจจะหลวมแต่ถ้าควันดำมากแปลว่าเครื่องมีปัญหาเรื่องการเผาไหม้

แต่สำหรับรถที่ขายโดยตัวแทนที่มีช่างมืออาชีพอยู่ จะเช็คลงไปลึกกว่านั้นอีก โดยจะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ สักรอบนึงเพื่อให้เห็นสภาพของของเหลวที่อยู่ในตัวรถตอนนั้น ถ้ามีเศษโลหะปนออกมากับน้ำมันแล้ว นั่นคือสัญญาณของเครื่องทีสภาพเริ่มจะไม่ดีแล้วหล่ะครับ รวมไปถึงดูสภาพสีของน้ำมัน อย่าง Truck2Hand เองก็จะทำด้วยวิธีแบบนี้เช่นกัน เพื่อการันตีว่ารถอยู่ในสภาพดีพร้อมขายจริงๆ

รถบรรทุกมือสอง

5. เช็คประกันศูนย์

ถึงจะเป็นเคสที่หายาก แต่ก็คุ้มค่าที่จะถามดูเช่นกัน ก่อนซื้อควรเช็คประกันศูนย์ ประกันโรงงานด้วยว่ายังอยู่ในเงื่อนไขหรือไม่ ตอนนี้สองค่ายใหญ่ในไทยอย่าง ISUZU และ HINO ต่างก็ให้ประกันจากศูนย์อยู่ที่ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ซึ่งเมื่อเราเช็คอายุรถแล้วว่าไม่เกิน 5 ปี ก็มีโอกาสที่รถยังคงมีประกันศูนย์ติดอยู่

โดยรถที่ขายในสภาพเดิมๆไม่มีการดัดแปลง จะมีโอกาสสูงมากที่ยังคงมีประกันอยู่เพราะไม่ผิดกับเงื่อนไขการรับประกัน

อย่างไรก็ตามลองเช็คกับผู้ขายให้แน่ใจก่อนว่ามีประกันศูนย์อยู่หรือไม่ โดยโทรเช็คกับศูนย์บริการก่อน หรือ ดูจากสมุดรับประกันตัวรถและลองดูว่าหมดอายุวันไหน รวมไปถึงเงื่อนไขต่างๆด้วยเช่นกัน

ถ้าคุณเจอรถบรรทุกมือสอง ที่ยังมีประกันศูนย์ บอกเลยว่าคุณเจอของดีเข้าให้แล้วหล่ะ เพราะโอกาสมันน้อยมากจริงๆที่คุณจะได้ของสภาพดีมีประกันจากศูนย์

รถบรรทุกมือสอง

ประกันรถบรรทุกมือสอง จากผู้ขาย

ประกันรถบรรทุกมือสอง จากผู้ขาย มีเพียงผู้ขายมืออาชีพเท่านั้นที่จะมอบประกันรถบรรทุกมือสองให้กับผู้ซื้อ ซึ่งรถพวกนี้จะเป็นรถที่หมดประกันจากศูนย์แล้ว แต่ผู้ขายตรวจสอบรถบรรทุกและไว้วางใจที่จะให้ประกันเพิ่มเติมเองโดยผู้ขาย

อย่าง Truck2Hand ก็มีรถที่ขายพร้อมให้ ประกันโดย Truck2Hand เองด้วยเช่นกัน รถกลุ่มนี้จะผ่านการซ่อมบำรุงมาอย่างดีตลอดระยะเวลาการใช้งาน เช็คประวัติการเข้าศูนย์บริการได้ และก่อนจะนำออกขายเป็นรถบรรทุกมือสองก็จะตรวจสอบของเหลวทั้งหมด เพื่อยืนยันว่า เครื่อง เกียร์ ไม่มีปัญหาใด ใช้งานต่อได้อย่างสบายใจ นอกจากได้ตรวจสอบของเหลวว่าไม่มีสิ่งเจือปนแล้ว ยังได้ของเหลวชุดใหม่ติดรถไปด้วยเลย ฉะนั้นสภาพพร้อมใช้ของแท้แน่นอน

ลองกดดูรายละเอียดที่รูปได้เลยครับ

รถ Isuzu มือสองสภาพดี

เตรียมพบกับรถบรรทุกมือสอง และ รถมือสอง ยี่ห้อต่างๆ ที่รับประกันโดย ตลาดรถ Truck2Hand ผู้นำตลาด รถบรรทุก มือสอง ได้เร็วๆนี้

==================

เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารดีๆจากเราอย่าลืมแวะเข้ามาดู Blog ของเราบ่อยๆกันนะครับ
https://www.truck2hand.com/blogs/

และขอฝากช่องทางใหม่ของเรา Youtube Truck2Hand Official กด Subscribe รอไว้ได้เลย เดี๋ยวเราจัดเรื่องราวดีๆ ตามไปให้ในนั้นครับ อดใจรอสักครู่ครับ

ส่วนเรื่องราวครั้งต่อไปจะมีอะไรอีกบ้างนั้นรอชมกันได้เลยครับ
ขอบคุณครับ