1. /
    หมวดหมู่สินค้าทั้งหมด
  2. /
    รถบรรทุก
  3. /
    4ล้อ (สี่ล้อใหญ่)
  4. /
    MITSUBISHI (มิตซูบิชิ)
  5. /
    ร้อยเอ็ด

เลขไมล์ การใช้งาน

-

รถบรรทุก 4ล้อ (สี่ล้อใหญ่) MITSUBISHI (มิตซูบิชิ) ร้อยเอ็ด มือสอง

0 รายการ

ช่วงราคา
-
ปีจดทะเบียน
-
เรียงตาม

ล้างตัวกรอง

ร้อยเอ็ด
สินค้าหมด

ยังไม่มีสินค้า “รถบรรทุก 4ล้อ (สี่ล้อใหญ่) MITSUBISHI (มิตซูบิชิ) ร้อยเอ็ด มือสอง” ลงขายในขณะนี้

รถบรรทุก 4ล้อ
ร้อยเอ็ด
กรุณากลับมาค้นหาอีกครั้งในภายหลัง หรือ ให้ทีมงานของเราช่วยหาสินค้า คลิกเลย!

“รถบรรทุก 4ล้อ (สี่ล้อใหญ่) MITSUBISHI (มิตซูบิชิ) ร้อยเอ็ด มือสอง” ที่ขายแล้ว

ขาย 169,000 บาท MITSU CANTER FE449 เครือง 4D34-115 แรง Fหน้า-Fหลัง หัวบาง ยางดี คัสชีไม่สวย เลขเครื่
icon-open-in-new
sold

ขาย 169,000 บาท MITSU CANTER FE449 เครือง 4D34-115 แรง Fหน้า-Fหลัง หัวบาง ยางดี คัสชีไม่สวย เลขเครื่

฿ 169,000
MITSUBISHI
ปี 2560
icon-marker-outline
ร้อยเอ็ด
ขายรถสี่ล้อกลาง Mitsubishi canter 85แรงม้า เครื่องดี พร้อมเครื่องเจาะน้ำบาดาล ราคาถูก ตามสภาพ ครับ
icon-open-in-new
sold

ขายรถสี่ล้อกลาง Mitsubishi canter 85แรงม้า เครื่องดี พร้อมเครื่องเจาะน้ำบาดาล ราคาถูก ตามสภาพ ครับ

฿ 72,000
MITSUBISHI
ปี 2559
icon-marker-outline
ร้อยเอ็ด

เปรียบเทียบ รถบรรทุก 4 ล้อ ไม่ติดเวลา HINO 300 ATOM และ ISUZU ELF NLR

รถบรรทุก 4 ล้อ เป็นรถบรรทุกกลุ่มที่เติบโตได้ดีมากในช่วงสามถึงสี่ปีหลัง ด้วยการเติบโตของธุรกิจ e-commerce ที่มักจะใช้รถประเภทนี้ในการขนส่งเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น รถใหม่ หรือ รถมือสอง ก็ตาม ด้วยความสามารถที่วิ่งได้ตลอดเวลา ไม่ติดกฏจราจร และส่วนมากลูกค้ากลุ่มที่ซื้อของออนไลน์ก็อยู่ตามเมืองใหญ่ๆต่างๆเป็นจำนวนมากอยู่แล้วด้วย

นอกจากในธุรกิจค้าขายออนไลน์แล้วการเติบโตของร้านสะดวกซื้อก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้รถประเภทนี้เป็นที่สนใจมากยิ่งขึ้น เพราะการมีของพร้อมขายตลอดเวลาคือปัจจัยสำคัญ ทำให้การส่งของให้ได้ตลอดเวลาคือเรื่องสำคัญมากๆสำหรับธุรกิจกลุ่มนี้

โดย 2 แบรนด์หลักที่ขายรถในกลุ่มนี้ก็คงหนีไม่พ้น ISUZU และ HINO ที่เป็นเจ้าตลาดในกลุ่มนี้ โดย ISUZU ELF หรือ ISUZU NLR 130 แรง ทำยอดขายได้ดีมากกว่า HINO 300 ATOM หรือ มาโดยตลอด และ ยิ่งตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา อีซูซุก็ทำยอดขายยิ่งฉีกออกไปอีกด้วยการที่ปล่อยโมเดลใหม่ King of Truck ออกมาตีตลาดในช่วงปีนั้น โดยส่วนแบ่งตลาดในปี 2021 นั้นอยู่ที่ อีซูซุ 73% และ ฮีโน่ 27% นับว่าอีซูซุเองก็เป็นเจ้าตลาดใน รถบรรทุกสี่ล้อ มาโดยตลอดจริงๆ แต่ทางฮีโน่เองก็ไม่เคยปล่อยให้ตลาดผูกขาดและยังมียอดขายที่อยู่ในระดับที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆเช่นกัน

Truck2Hand จะพาทุกท่านลงลึกไปด้วยกันกับเรา เจาะลึกเปรียบเทียบเสป็คกันแฟร์ๆ ด้วยข้อมูลจริงจากทั้งสองแบรนด์ โดยเฉพาะรถรุ่นปัจจุบันในตลาด HINO ATOM300 และ ISUZU NLR130 ไปชมกันครับ

รถบรรทุก 4 ล้อ HINO 300 ATOM

ราคารถมือ1 เริ่มต้น 1,010,000 บาท (ราคาดังกล่าวเป็นราคารถเปล่า)

เริ่มต้นกันที่ HINO ATOM300 กันก่อนนะครับ เราไปดูกันว่าสเปครถล่าสุดของฮีโน่เป็นอย่างไรบ้างครับ

สนใจดู รถบรรทุกสี่ล้อไม่ติดเวลา มือสอง ฮีโน่ ได้ที่นี่ รถมือสอง

ทำไม HINO 300 ATOM ถึงเป็นที่น่าสนใจ

HINO ATOM 300 หรือ รถบรรทุกฮีโน่รหัสรุ่น XZU-4W รถบรรทุกสี่ล้อ ที่ออกแบบออกมาเพื่องานขนส่งที่สามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง และ สามารถจดทะเบียนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลได้ โดยตัวรถมีน้ำหนักเบา มี GVW(น้ำหนักรวมสูงสุด) อยู่ที่ 4.5 ตันเท่านั้น พร้อมด้วยขนาดล้อ 15 นิ้วโดยมียางติดรถเป็นขนาด 225/75 R15

รถบรรทุก 4 ล้อ Hino

สำหรับรถรุ่นนี้สามารถจดทะเบียนในพิกัด 2.2 ตันได้ โดยทำให้รถประเภทนี้สามารถวิ่งได้ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นเดียวกับรถกระบะ แต่ขนของได้มากกว่ารถกระบะคร่าวๆราวสองเท่า

แน่นอนว่าจุดประสงค์ในการเลือกซื้อรถฮีโน่ 300 อะตอม นั้นใช้เพื่องานขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก ทำให้ไลน์อัพของรถรุ่นนี้จะมีออฟชั่นสำหรับติดตั้งตู้จากทางฮีโน่เองเลยด้วย โดยตู้จะมีสองขนาดให้เลือกด้วยกัน

สเปคของรถ HINO 300 ATOM

ในส่วนของ HINO 300 ATOM นั้นทางฮีโน่เน้นในการโปรโมทเรื่องของการประกอบตู้จากโรงงาน ด้วยวุสดุคุณภาพ เพราะการใช้งานหลักของรถกลุ่มนี้คือการขนส่งด้วยตู้แห้ง โดยฮีโน่จะประกอบตัวถังให้สำเร็จในเวลาอันสั้น พร้อมการรับประกันตัวถังนาน 3 ปี

รถบรรทุก 4 ล้อ hino

สำหรับเครื่องยนต์ของ HINO 300 ATOM เป็นเครื่องยนต์ดีเซล N04C-VA ขนาด 4 ลิตร เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ 4 จังหวะ 4 สูบ เรียงตั้งแนวตรงพร้อมด้วยแรงม้า 136 แรงม้าที่ 2,500 รอบ/นาที

ส่วนเกียร์เป็นเกียร์ 5 สปีด รุ่น MYY5A ซึ่งเป็นเกียร์ตัวเดียวกันกับ รถหกล้อเล็กรุ่น HINO INNOVATOR 500 สำหรับระบบความปลอดภัยจะมีถุงลมนิรภัยที่ตำแหน่งของคนขับ และ ถังน้ำมันตัวติดรถจะมีขนาดความจุ 80 ลิตร

ส่วนตัวตู้บรรทุกนั้นสามารถติดตั้งจากโรงงานฮีโน่ได้สองแบบได้แก่ 10.53 ลูกบาศก์เมตร และ 9.31 ลูกบาศก์เมตร โดยวัสดุตัวพื้นตู้เป็นอลูมิเนียม พร้อมแผ่นกันกระแทก รางยึดสายรัดของ และพัดลมระบายอากาศ

รถบรรทุก 4 ล้อ ISUZU NLR130

มาดูที่ฝั่งเจ้าตลาดในรถกลุ่ม รถบรรทุกสี่ล้อไม่ติดเวลา อย่าง ISUZU กันบ้างนะครับ ในรุ่นนี้มีชื่อรุ่นว่า ELF ที่เรียกกันติดปากมาหลายสิบปี ด้วยความที่เป็นรถที่ใช้งานง่ายและประหยัดน้ำมัน โดยปัจจุบัน ISUZU NLR รุ่นเล็กนี้มีให้เลือกสองรุ่นด้วยกันคือ NLR 130 และ NLR Lite

ดูรถบรรทุก 4ล้อ (สี่ล้อใหญ่) ISUZU มือสอง

ISUZU NLR 130 รถบรรทุก 4 ล้อ

ทำไม รถบรรทุก 4 ล้อไม่ติดเวลา ISUZU ELF NLR ถึงเป็นที่นิยมมายาวนาน

ปัจจุบันนี้ รถบรรทุก 4 ล้อ ISUZU NLR มีวางขายอยู่สองรุ่นย่อย ได้แก่ NLR 130 และ NLR Lite โดยทั้งสองรุ่นมีความโดดเด่นที่เรื่องการขนส่งได้แบบไม่ติดเวลา และที่สำคัญคือเครื่องคอมมอนเรลของอีซูซุยังเป็นเครื่องที่วางใจได้เสมอ ทั้งความเสถียรและการประหยัดน้ำมัน สำหรับรถ NLR นั้นสามารถบรรทุกได้ 2 ตัน หรือเท่ากับกระบะตอนเดียวสองคัน และสามารถทำพื้นที่บรรทุกได้ที่ 9.26 ตารางเมตร ส่วนปริมาตรก็คิดตามความสูงตู้แล้วคูณด้วยพื้นที่บรรทุกได้เลยครับ

โดยสรุปคือ รถบรรทุก 4 ล้อไม่ติดเวลา ISUZU ELF NLR เหมาะสมกับการขนส่งสินค้าโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆเป็นอย่างมากโดยเฉพาะปัจจุบันที่ธุรกิจ E-Commerce โตอย่างต่อเนื่อง

สเปคของรถบรรทุก 4 ล้อ ISUZU NLR 130

ราคาเริ่มต้น ISUZU NLR 130 รุ่นมาตรฐาน 977,000 บาท

รถบรรทุก 4 ล้อ ISUZU NLR 130

รถบรรทุก 4 ล้อ ISUZU NLR 130 นั้นมีการปรับโฉมครั้งล่าสุดคือใน Model King of Trucks ซึ่งชิงส่วนแบ่งการตลาดมาได้โดยตลอด โดย NLR 130 แรงม้านั้นใช้เครื่องวยนต์ 3.0 ลิตร ดีเซลเทอร์โบคอมมอนเรล รุ่น 4JJ1E3N คู่กันกับเกียร์รุ่น MYY5T ที่วัสดุเสื้อเกียร์อะลูมิเนียม น้ำหนักเบา แข็งแรง ระบายความร้อนได้ดี รับแรงบิดได้สูง ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม

สำหรับส่วนประกอบอื่นๆนั้นก็มี แอร์แบค ฝั่งคนขับ , กระจกไฟฟ้าฝั่งคนขับ , โช็คกันสะบัด และ ระบบเบรกไฮดรอลิค

ในส่วนของล้อติดจากโรงงานนั้นจได้เป็น อลูมิเนียมอัลลอยพร้อมยางเรเดียล ขอบ 15 ในรุ้น 225/75 R15

สุดท้ายคือเรื่องของวงเลี้ยว แน่นอนว่าสำคัญสำหรับการขับขี่ในเมืองมาก โดยในรุ่น NLR นั้นวงเลี้ยวแคบสุดเพียง 5.1 เมตร วงเลี้ยวแคบสุดเพียง 5.1 เมตร

สเปคของรถบรรทุก 4 ล้อ ISUZU NLR Lite

ราคาเริ่มต้น ISUZU NLR Lite รุ่นมาตรฐาน 932,000 บาท

รถบรรทุกสี่ล้อไม่ติดเวลา ISUZU NLR 130

ในส่วนของ ISUZU NLR Lite นั้นออกจำหน่ายในช่วงปี 2563 ด้วย เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคอมมอนเรลขนาด 3.0 ลิตร 104 แรงม้า รหัส 4JH1E3N พร้อมด้วยเกียร์ 5 สปีด รุ่น เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคอมมอนเรลขนาด 3.0 ลิตร MSB5S รองรับแรงบิดได้สูง ประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม แข็งแกร่ง เหมาะสำหรับงานบรรทุก

ในส่วนของติดรถนั้นจะเหมือนกับรุ่น NLR 130 แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นล้ออัลลอยจากโรงงาน กระจกไฟฟ้า เครื่องเล่นวิทยุ แอร์แบคฝั่งคนขับ

เปรียบเทียบรถบรรทุก 4 ล้อ HINO 300 ATOM และ ISUZU NLR

คราวนี้ลองมาเทียบกันดูนะครับ ว่าสองยี่ห้อนี้แตกต่างกันอย่างไรบ้าง แต่ขอไม่ยกเรื่องราคานะครับ เพราะราคาอาจจะเปลี่ยนแปลงได้แต่สเปคยังไงก็ไม่เปลี่ยนแปลงแน่ๆในเร็วๆนี้

เปรียบเทียบ เปรียบเทียบ รถบรรทุก 4 ล้อ HINO 300 ATOM และ ISUZU NLR

แรงม้า – ถ้ายกเรื่องกำลังมาคุยกัน จะเห็นว่า Hino Atom ให้ม้าที่เยอะกว่าอีซูซุอยู่เล็กน้อย ดูในเชิงตัวเลขแล้วอาจจะต่าง แต่ถ้าลองใช้จริงก็จะถือว่าใกล้เคียงมากๆ ยกเว้นรุ่น Lite ของ NLR เท่านั้นที่ออกแบบมาให้ได้ม้าน้อยกว่าอยู่แล้ว

น้ำหนัก – ส่วนในมุมของน้ำหนักรถเปล่ายังไม่รวมตู้ NLR Lite นั้นเบากว่าทั้ง Hino Atom และ ISUZU NLR130 อยู่เป็น 100 กิโลกรัมกว่าๆ ผลที่ตามมาคือเรื่องของน้ำหนักบรรทุกที่จะรับได้จริงเมื่อใช้งาน อย่าง NLR Lite ก็จะมีช่องว่างให้บรรทุกได้มากขึ้นอีก และแน่นอนว่ามีผลต่อการประหยัดน้ำมันเช่นกัน

รัศมีวงเลี้ยว – เนื่องจากเป็นรถที่ใช้งานในเมืองเป็นหลัก ซึ่งมีโอกาสต้องเลี้ยวตามซอกซอยบ่อยๆ จุดนี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาถึงแม้ว่าทักษะการขับรถจะเป็นเรื่องสำคัญกว่า แต่การที่รถมีสมรรถนะให้ขับได้ง่ายก็ทำให้คนขับสะดวกเช่นกัน อย่าง ISUZU NLR ทั้งสองรุ่นมีรัศมีวงเลี้ยวที่ 5.1 เมตรทั้งคู่ ส่วน HINO ATOM ต่างกันเล็กน้อยที่ 5.5 เมตร

ระยะ CE – ระยะ CE หรือ Cab to End คือระยะตั้งแต่หลังหัวเก๋งจนถีงปลายชัสซี มีผลต่อเรื่องการต่อตู้และความยาวตู้ที่จะได้รับซึ่งของ HINO เองจะได้ความยาวที่มากกว่า 60 มิลลิเมตร หรือ ประมาณ 6 เซนติเมตร

+ + + + + + + + + + + +

สำหรับการเปรียบเทียบรถสองรุ่นที่เป็นที่นิยมตอนนี้อย่าง รถบรรทุกสี่ล้อไม่ติดเวลา ทั้ง ISUZU และ HINO ก็จบลงไปแล้วนะครับ ถึงแม้ว่า ISUZU เองจะนำโดดในเรื่องยอดขายแต่ในฝั่ง HINO เองก็ไม่เคยปล่อยให้ ISUZU ได้ตลาดนี้ไปโดยง่าย มีการแข่งขันกันเพื่อให้ผู้บริโภคได้สินค้าที่ดีไปใช้งาน

นอกจากเรื่องของรถใหม่แล้วนั้น เรื่องบริการหลังการขายก็ยังเป็นเรื่องที่เบียดกันมาเสมอ ส่วนถ้าอยากรู้ลึกลงไปอีกเรื่องราคาขายมือสองของรถทั้งสองยี่ห้อ ไว้เดี๋ยวจะหาเวลามาเล่าให้ฟังนะครับ

+ + + + + + + + + + + + + +

อัปเดตรถบรรทุก 6 ล้อ ใหม่ ISUZU FRR ปี 2022 มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง
ทำไม รถบรรทุก4ล้อ ถึงเป็นรถที่น่าลงทุนในยุคนี้ และ ในยุคที่การต่อสู้ของ ตลาดรถ รถบรรทุก และ รถมือสอง ดุเดือดนั้น ผู้ขายรถจะต้องปรับตัวอย่างไร คอยติดตามที่ Truck2Hand ได้เลยครับ

+ + + + + + + + + + + + + +

ที่มา
https://www.hinothailand.com/
https://truck.isuzu-tis.com/