อะไหล่รถบรรทุก เป็นสินค้าที่ส่งผลต่อการบริหารต้นทุนของรถบรรทุก โดยเป็นเรื่องปกติที่รถบรรทุกนั้นต้องวิ่งอยู่ตลอดเวลาเพื่อใช้ในการหารายได้ แต่หลายๆครั้งการดูแลรักษารถบรรทุกที่ใช้หากินกลับถูกมองข้ามไป บางครั้งเป็นเพราะเรื่องของความเข้าใจ หรือ อาจจะเพราะเรื่องของราคา หรือ ความสะดวกในการเข้าซ่อมบำรุงที่ใดๆก็ตาม
วันนี้ Truck2Hand จะมาแนะนำ 5 อะไหล่รถบรรทุก ที่สำคัญแต่ถูกมองข้าม เป็นอะไหล่ที่สำคัญ ถึงขั้นที่ว่าไม่เปลี่ยนก็มีผลต่อรถบรรทุกสุดที่รักได้ แต่กลับถูกมองข้ามไปด้วยเหตุผลต่างๆนานา หรือ แม้ว่าจะเป็นการดูแลที่ผิดวิธีเองก็ตาม ไปดูกันได้เลย
>> ดูสินค้าอะไหล่มือหนึ่งมือสองได้ที่นี่ <<
1. อุปกรณ์ดักจับความชื้น
ระยะบำรุงรักษา
ตรวจสอบ ทุกๆ 20,000 กิโลเมตร
เปลี่ยน ทุกๆ 100,000 กิโลเมตร หรือ 18 เดือน
ราคา เริ่มต้นประมาณ 3,XXX – 5,XXX แล้วแต่ยี่ห้อ
หน้าที่ของอุปกรณ์ดักจับความชื้น
อุปกรณ์ดักจับความชื้น หรือ แอร์ดรายเออร์ (Air Dryer) เป็น อะไหล่รถบรรทุก ที่ทำหน้าที่ดูดซับความชื้นและน้ำมันที่ปนมากับอากาศในระบบลม เพื่อไม่ให้มีการสะสมของน้ำในถังลม และ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสนิมในถังลม และส่งผลต่อประสิทธิภาพการเบรคของรถบรรทุก
ซึ่งการดูแลรักษานั้นจะไ่ได้ทำการเปลี่ยน แอร์ดรายเออร์ ทั้งลูกซึ่งจะมีราคาสูงมาก แต่เราจะใช้การเปลี่ยนสารดูดความชื้นและชิ้นส่วนยางประเก็นต่างๆ ตามระยะที่กำหนด ถ้าปล่อยเป็นระยะเวลานาน สารดูดความชื้นก็จะเสื่อมสภาพลง ทำให้คุณภาพการดูดความชื้นต่ำลงไปด้วย
ผลที่ตามมาคืออาจจะมีความชื้นไปสะสมในถังลมมากขึ้น และอุปกรณ์ควบคุมระบบเบรคจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการเบรคของรถบรรทุก และ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย
นอกจากนี้อุปกรณ์ข้างเคียงที่มีโอกาสจะเสียนั้นราคาค่อนข้างสูงกว่า ราคาค่าเปลี่ยนสารดูดความชื้นมาก เช่น ถังลมราคาของแท้เบิกห้างประมาณ 5หมื่นกว่าบาท หรือ หม้อลมเบรก ทั้งหน้าหลัง ราคาแสนกว่าบาท เลยทีเดียว หรืออย่างหม้อลมคลัตช์ที่ใช้ลมจากถังลมไปใช้งานก็มีโอกาสเกิดสนิมได้เช่นกัน ซึ่งถ้าต้องเปลี่ยรหม้อลมคลัตช์ก็ราคาประมาณ 2หมื่นกว่าบาท
2. ไส้กรองอากาศ
ระยะบำรุงรักษา
ตรวจสอบ ทุกๆ 20,000 กิโลเมตร
เปลี่ยน ทุกๆ 80,000 กิโลเมตร หรือ 12 เดือน
ราคา เริ่มต้นประมาณ 1,XXX – 2,XXX บาท แล้วแต่ยี่ห้อ
>> ดูไส้กรองอากาศรถบรรทุก ของแท้ ราคาถูก<<
หน้าที่ของไส้กรองอากาศ
ไส้กรองอากาศ (Air Filter) เป็น อะไหล่รถบรรทุก ที่ใช้กรองอากาศก่อนส่งอากาศเข้าไปห้องเผาไหม้ เพื่อให้การเผาไหม้ในเครื่องยนต์สมบูรณ์มากขึ้น อย่างไรก็ตามในอากาศที่อัดเข้ามานั้นมีโอกาสที่จะมีฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกปนมากับอากาศ ซึ่งก็จะถูกกระดาษกรองของไส้กรองอากาศดักไว้ ซึ่งจะทำให้อากาศสะอาดและลดการสึกหรอก่อนเวลาอันควรและทำให้เครื่องยนต์ใช้งานได้ยาวนานขึ้น
ถ้าไม่เปลี่ยนไส้กรองตามระยะ กรองจะอุดตันแล้วอากาศไหลผ่านได้ยาก ทำให้รถวิ่งไม่ออกและเปลืองน้ำมันเชื้อเลพิงมากขึ้น นอกจากนี้ก็เป็นสาเหตุให้เกิดควันดำเพราะการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ซึ่งในระยะยาวเครื่องยนต์จะหลวมและสึกหรอเร็วกว่าปกติ
ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วราคาไส้กรองอากาศค่อนข้างถูก เมือ่เปรีบเทียบกับการที่ต้องโอเวอร์ฮอลเครื่องยนต์ หรือ การเปลี่ยนเทอร์โบ
การตรวจสอบสภาพของไส้กรองนั้นสามารถเช็คได้ด้วยตนเอง โดยดูที่สีที่จุกของกรองอากาศ ถ้ากรองอากาศปกติก็จะไม่มีสี ถ้าไส้กรองอากาศตันจะมีสีแดง ถ้าพบว่าไส้กรองตัวคนขับสามารถถอดกรองอากาศออกมาเป่าเองได้ โดยใช้เครื่องเป่าลมเป่าเข้าไปที่ด้านในของไส้กรองแล้วหมุนไปรอบๆเพื่อให้ฝุ่นหลุดออกจากกรองอากาศ
ถ้ากรองอากาศมีคราบเขม่าดำ หรือ ละอองน้ำมันเกาะ จะต้องใช้วิธีการแช่ไส้กรองอากาศในน้ำผสมสารชะล้างเป็นเวลา 30 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วตากไว้ให้แห้ง
อย่างไรก็ตามการเป่ากรองหรือทำความสะอดากรองอย่างเดียว แต่ไม่เปลี่ยนตามกำหนด ก็อาจทำให้มีโอกาศตันอยู่ดี รวมไปถึงคุณภาพการกรองจะลดลงไปเพราะการเป่ากรองด้วยความดันลมสูงมีโอกาสที่ครีบของกระดาษกรองจะยุ่ย และอาจะทำให้เศษของกระดาษเข้าไปในเทอร์โบและมีโอกาสเสียได้
>> กรองเครื่องควรเปลี่ยนตอนไหน รู้หรือยัง <<
3. น้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์
ระยะบำรุงรักษา
ตรวจสอบ ทุกๆ 12 เดือน
เปลี่ยน ทุกๆ 600,000 กิโลเมตร หรือ 36 เดือน
ราคา เริ่มต้นประมาณ 5XX – 7XX บาท แล้วแต่ยี่ห้อ
หน้าที่ของ น้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์
น้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ หรือ ที่บางครั้งเรียกว่า น้ำยาเติมหม่้อน้ำ ชื่อภาษาอังกฤษคือ Long Life Coolant มีความหมายว่า น้ำหล่อเย็นอายุยาวนาน ชื่อฟังดูแปลกๆไหมครับ แต่จริงๆมาจากหน้าที่และประโยชน์ของน้ำยาหล่อเย็นนี่แหละครับ ที่จะทำให้เครื่องยนต์มีอายุยาวนานขึ้น
น้ำยาเติมหม้อน้ำ จะทำหน้าที่ช่วยถ่ายเทความร้อนในระบบหล่อเย็น ป้องกันการเกิดตะกรันในหม้อน้ำ และ ที่สำคัญคือช่วยป้องกันสนิมในระบบหล่อเย็นอีกด้วย เช่นเดียวกับเครื่องจักรอุตสาหกรรม รถยนต์มีการทำงานที่เกิดการเสียดสีของเครื่องยนต์อยู่ตลอดเวลา โดยมีน้ำมันเครื่องเป็นตัวช่วยหล่อลื่นให้เครื่องยนต์ทำงานสะดวก และ มีน้ำยาหล่อเย็นเป็นตัวลดอุณหภูมิโดยใช้สถานะของเหลวในการพาความร้อนออกจากระบบไม่ให้ความร้อนเครื่องยนต์สูงจนเกินไป
ในขณะเดียวกันที่พาความร้อนออก น้ำยาเติมหม้อน้ำ ก็จะพาเศษโลหะเล็กๆที่เกิดจากการเสียดสีของเครื่องยนต์ ออกจากระบบเครื่องยนต์ไม่ให้ทิ้งไว้เป็นคราบตะกอน ซึ่งน้ำยาหล่อเย็นคุณภาพดี จะมีสารป้องกันการเกิดสนิมต่อชิ้นส่วนโลหะทุกชนิดในเครื่องยนต์ด้วย ซึ่งในระบบเครื่องยนต์จะไม่ได้มีเพียงแต่ เหล็กหล่อ หรือ เหล็กกล้า แต่ยังมีโลหะพวก อลูมิเนียม ทองเหลือ ทองแดง รวมไปถึงรอยเชื่อมต่างๆอีกด้วย ส่วนน้ำยาหล่อเย็นคุณภาพต่ำ จะป้องกันสนิมจากโลหะบางประเภทเท่านั้น
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นถ้าไม่ได้มีการเปลี่ยนน้ำยาหม้อน้ำตามกำหนด ก็คือ การระบายความร้อนจากเครื่องยนต์มาสู่หม้อน้ำจะแย่ลง เพราะ สนิมในระบบหล่อเย็นทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของฟินระบายความร้อนด้อยลงไป ผลที่ตามมาคือเครือ่งยนต์จะร้อนเร็วกว่าปกติ และถ้าดูแลไม่ทัน เครื่อยนต์จะพังและจำเป็นต้องโอเวอร์ฮอลเครือ่งทั้งระบบ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่หักหมื่นถึงระดับแสนบาท
ดังนั้นการดูแลน้ำยาหล่อเย็น ก็เป็นส่วนนึงที่สำคัญ แต่ถูกละเลยกันเป็นประจำ โดยบางคนมีความเชื่อว่าแค่น้ำเปล่าก็น่าจะโอเคแล้ว แต่ความจริงนั้นไม่ใช่เลย การเติมน้ำเปล่าลงไปไม่ได้ช่วยให้การป้องกันสนิมดีขึ้น แต่กลายเป็นเกิดสนิมได้เร็วขึ้นมากกว่า ผลที่ตามมาคือหม้อน้ำรั่ว ส่วนการระบายความร้อนนั้นน้ำเปล่าก็ไม่สามารถชดเชยความสามารถของน้ำยาหล่อเย็นได้เช่นกัน
ดังนั้น ผู้ใช้รถบรรทุกควรใส่ใจกับน้ำยาหล่อเย็น เปลี่ยนถ่ายตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อการประหยัดต้นทุนโดยรวมและป้องกันการเสียหายของเครื่องยนต์อีกด้วย
4. ซีลล้อ ลูกปืน และ การอัดจาระบี
ระยะบำรุงรักษา
เปลี่ยน ทุกๆ 60,000 กิโลเมตร หรือ 18 เดือน
ราคา เริ่มต้นประมาณ 2,XXX – 4,XXX บาท แล้วแต่ยี่ห้อและจำนวนล้อ
ความสำคัญของ การดูแลจาระบีดุมล้อ
จาระบี เป็น สารเคมีที่มีลักษณะกึ่งแข็งกึ่งเหลว มีคุณสมบัติในการยึดจับชิ้นงานได้ดีกว่าน้ำมันหล่อลื่นที่เป็นของเหลว เหมาะสำหรับการใช้เป็นสารหล่อลื่นของชิ้นส่วนพวก ลูกปืน ลูกหมาก คันชักคันส่ง ที่มีการเคลื่อนไหวรุนแรง และต้องการความยืดหยุ่นเป็นพิเศษ
>> ดูบทความเกี่ยวกับ จาระบี ทำหน้าที่อะไรในรถ?<<
แต่เนื่องจากชิ้นส่วนแต่ละชิ้นก็มีความต้องการที่ต่างกันออกไป ทั้งในเรื่องของการเคลื่อนไหว และ ความร้อนที่ต้องเจอ ทำให้จาระบีที่นำมาใช้แต่ละจุดต้องเลือกเกรดที่ตรงกับที่คู่มือกำหนด การใช้จาระบีผิดประเภทจะทำให้ชิ้นส่วนสึกหรอเร็ว และ อาจเสียหายได้
ยกตัวอย่างการอัดจาระบีชิ้นส่วนช่วงล่าง ควรใช้จาระบีเบอร์ 2 ซึ่งเหลวและเหมาะกับการอัดจุดช่วงล่าง ส่วนจาระบีเบอร์ 3 นั้นจะหนืดและแข็งกว่า ทนความร้อนมากกว่า จึงเหมาะกับลูกปืนล้อที่ต้องมีการหมุนด้วยความเร็วสูง
การเปลี่ยนจาระบีแต่ละครั้งนั้นจำเป็นต้องเปลี่ยนซีลล้อทั้งหน้าหลัง ควบคู่กันไปด้วยซึ่งราคาแม้จะเป็นของแท้ซ่อมห้างก็ไม่ได้แรงแต่อย่างใด
กรณีที่ไม่ได้ดูและจาระบีลูกปืนล้อ ตามกำหนด จาระบีจะหมดประสิทธิภาพลงไปทำให้ชิ้นส่วนไม่มีตัวหล่อลื่นและสึกหรอเร็วมากกว่าปกติ ผลที่ตามมาคือชิ้นส่วนต่างๆจะมีเสียงดัง อย่างกรณีของ ลูกปืนล้อ ก็จะมีความร้อนเกิดขึ้นด้วย ถ้าความร้อนสูงมากๆก็จะทำให้ลูกปืนไหม้ และ แตกหรือละลายปนไปกับดุมล้อ และเลวร้ายที่สุดคือ ดุมล้อขาด หรือ เพลาขาด ทำให้รถไม่สามารถวิ่งต่อได้ หรือเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำก็เป็นได้
ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมก็อยู่ที่หลักหมื่นปลายๆ จนเกือบถึงแสนบาท ตามอาการ
5. น้ำมันคลัตช์
ระยะบำรุงรักษา
ตรวจสอบ ทุกๆ 20,000 กิโลเมตร
เปลี่ยน ทุกๆ 120,000 กิโลเมตร หรือ 12 เดือน
ความสำคัญของ น้ำมันคลัตช์
น้ำมันคลัตช์ เป็นรายการซ่อมบำรุงรายการนึงที่ถูกมองข้ามเป็นประจำ โดยเฉพาะรถที่ห่างเหินจากศูนย์บริการไป มักจะมองว่ารายการนี้ไม่สำคัญ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น น้ำมันคลัตช์ นั้นสำคัญไม่ต่างกันเลยกับน้ำมันเบรก
>> ดูแผ่นคลัตช์รถบรรทุก ของดีราคาประหยัดที่นี่ <<
สาเหตุนึงที่ถูกมองข้ามเพราะส่วนมากจะมองว่าเบรกทำงานหนักกว่าคลัตช์ ทั้งในแง่ความถี่ในการใช้งาน และ ความร้อนที่เกิดขึ้น ควาเมป็นจริงแล้วนั้นแทบไม่ต่างกันเลย อีกปัจจัยคือคนทั่วไปมักมองว่าเบรกส่งผลต่อความปบอดภัยโดยตรง ซึ่งก็ถือว่าถูกต้องครับ แต่ถ้าคลัตช์มีปัญหาขึ้นมาก็จะมีค่าใช้จ่ายที่แพงไม่ต่างกันเลย
สำหรับน้ำมันคลัตช์นั้นจะใช้เป็นตัวเดียวกับน้ำมันเบรกได้เลย โดยสามารถสังเกตระดับที่เหมาะสมของน้ำมันคลัตช์ที่กระปุกน้ำมัน ซึ่งควรมีค่าอยู่ระหว่าง Max และ Min ของกระปุก ถ้าต่ำกว่า Min เมือ่ไรก็ควรเติมกลับไปให้ถึง จุด Max
สาเหตุนึงที่ควรดูแลน้ำมันคลัตช์ด้วยก็เพราะ การที่ขาดน้ำมันหล่อลื่นจะส่งผลเสียต่อแผ่นคลัตช์เช่น เกิดสนิมที่ผนัง และ ตัวลูกสูบของปั๊มคลัตช์ก็จะมีปัญหาตามมาด้วย เรียกว่าน้ำมันคลัตช์จะช่วยยืดอายุการเปลี่ยนแผ่นคลัตช์ออกไป
สำหรับตัวคลัตช์ที่ดีนั้น ควรใช้ให้ตรงรุ่น โดยของรถบรรทุกเองก็จะมีไซส์ 15 นิ้ว และ 17 นิ้ว ตามแต่ละรุ่นที่กำหนดไว้ ส่วนสำคัญอย่างนึงคือบริเวณดุมคลัตช์ควรจะมีสารเคลือบป้องกันสนิมเพื่อให้เข้าเกียร์ได้ง่านไม่ติดขัด ออกตัวและส่งตัวได้ดี และการที่ใช้แผ่นคลัตช์คุณภาพจะทำให้จานกดคลัตช์และฟลายวีล ใช้งานได้ยาวขึ้นอีกด้วย
++++++++++++++
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับอะไหล่ 5 รายการนี้ มีหลงลืมหรือละเลยรายการไหนไปบ้างหรือเปล่า ถ้าพลาดตัวไหนไปแนะนำให้ปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเช็คสภาพอย่างสม่ำเสมอนะครับ
รู้ไหมว่า? สำหรับ รถบรรทุกมือสอง นั้นการที่ดูแลรักษารถอย่างสม่ำเสมอ นอกจากรถจะอายุยาวนานมากขึ้น ใช้งานหากินได้อย่างไม่ติดขัดแล้ว เมื่อถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนรถคันใหม่และขายคันเดิม รถที่ดูแลมาอย่างดี เข้าศูนย์ตลอดมักจะได้ราคาขายที่ดีกว่าเสมอ เพราะรถบรรทุกคือรถหากิน คงไม่มีใครอยากวัดดวงกับสินค้ามือสองที่ขาดคุณภาพแน่นอน
ไม่มีหรอกตาดีได้ ตาร้ายเสีย อยู่ที่เราละเอียดกันแค่ไหนมากกว่าครับ
>> ใครอยากทบทวนวิธีการเช็ครถอย่างโปรกดดูได้เลย <<