รถมือสอง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการตัดสินใจซื้อรถสักคัน เมื่อรถใหม่ป้ายแดงอาจไม่ใช่คำตอบที่ใช่สำหรับทุกคน โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องของราคา แต่การจะถอยรถมือสองออกไปขับนั้นมือใหม่หัดถอยรถมือสองต้องดูอะไรบ้างในตลาดรถ รถเคยถูกชนหนักมาหรือไม่ รถเคยเจอน้ำท่วมมาก่อนหรือไม่ เปลี่ยนมือมาแล้วกี่คน และอีกมากมาย
1. ตรวจสอบตัวถังภายนอก
2. ตรวจสอบภายในห้องเครื่องยนต์
3. ตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์
4. ตรวจสอบภายในห้องโดยสาร
5. ตรวจสอบที่เก็บสัมภาระด้านหลัง (ถ้ามี)
6. ตรวจสอบช่วงล่างของรถยนต์
7. ทดสอบขับจริง
8. ตรวจสอบเล่มทะเบียน
9. ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นของผู้ขาย
รถมือสอง คือคำตอบ? เช็คความต้องการ เราอยากได้จริงหรือไม่
สำหรับคนที่ต้องการจะซื้อ รถมือสอง เกือบทั้งหมดเริ่มจากเรื่องของ ราคา ทั้งนั้น เมื่อสู้ราคามือหนึ่งไม่ไหว รถมือสองจึงเป็นทางเลือกสำหรับเรา นอกจากนั้นคือเราต้องการรถรุ่นนั้นจริงๆด้วยรสนิยมส่วนตัว แต่รถรุ่นนั้นไม่มีขายในโชว์รูมอีกแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นพวกรถคลาสสิค หรือ รถที่มีการนำไปแต่งกันในกลุ่มรถแต่งซึ่งหาไม่ได้อีกแล้ว
ดังนั้นเราควรรู้ถึงความต้องการที่แท้จริงของตัวเองเสียก่อนว่าจะนำรถไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด ในการพิจารณาการเลือกซื้อรถมือสองมาใช้นั้น มีหลักการขั้นต้นประมาณนี้
ควรดูว่ารถที่เราจะขับเป็นรถยี่ห้ออะไร ลองหาข้อมูลดูว่ามีศูนย์ให้บริการอยู่หรือไม่ ราคาอะไหล่ของรถมีราคาถูกหรือราคาแพง และสามารถหาซื้อได้ง่ายหรือไม่ เพราะรถมือสองอาจต้องมีการซ่อมแซมหลังจากที่ซื้อรถมาไม่มากก็น้อย ในกรณีถ้าเป็นรถทางฝั่งค่ายยุโรปในประเทศไทยอาจจะมีปัญหาเรื่องการหาอะไหล่รถในราคาที่ถูกได้ยาก ซึ่งมีผู้นำเข้าค่อนข้างจำกัดหรืออาจต้องรออะไหล่รถเป็นเวลานาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถดูได้จากความนิยมการใช้กันแพร่หลาย หรือที่เราเรียกว่า รถตลาด ถ้ารถมีความนิยมใช้มากสิ่งที่ตามมาคือก็จะมีคนขายอะไหล่มากขึ้น ทำให้อะไหล่ก็หาได้ง่าย และมีราคาที่ถูก
ต่อมาคือเรื่องของปีที่ผลิตรถว่ารถเก่าไปไหม บางคนชอบรถรุ่นเก่าเพราะซ่อมง่ายมีแต่ระบบที่เป็นกลไกมากกว่าระบบไฟฟ้า ดูเลขกิโลเมตรกับปีของรถว่าเหมาะสมกันไหม และอีกปัจจัยที่อาจจะรองลงไปสักหน่ยอ คือถ้าเราต้องการขายรถต่อยังพอได้ราคาอยู่หรือเปล่า ซึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อรถมือสองนั้นมีมากมายหลายประการ ซึ่งทางเราได้รวบรวมมาให้ดังนี้
9 ขั้นตอนเช็ค รถมือสอง ก่อนตัดสินใจ
ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่า ขั้นตอนที่แนะนำการเช็ค รถมือสอง นี้เป็นวิธีการที่คนทั่วไปก็สามารถตรวจเช็คเองได้ ซึ่งจริงๆแล้วยังมีอีกหลายวิธีสำหรับการตรวจสอบ แต่จำเป็นต้องใช้ทักษะ ความชำนาญ รวมไปถึงเครื่องมือสำหรับทำงานอีกด้วย ส่วนการตรวจรถนั้นแนะนำว่าควรตกลงกับผู้ขายให้เรียบร้อยก่อนเพื่อขอตรวจสอบตามจุดต่างๆก่อนตกลงปลงใจซื้อรถกัน ถ้าผู้ขายโอเคแล้ว เราก็มาเริ่มกันเลย
1. การตรวจเช็คสภาพภายนอกรถ
เริ่มต้นจากการดูตัวถังภายนอกของรถและการดูสีของรถ ในส่วนของการดูสีของรถนั้นควรดูในที่สว่างๆ แต่ไม่ใช่กลางแดดจัดๆ มีแสงสว่างพอสมควรซึ่งตามเต๊นท์ใหญ่ๆหลายๆแห่งมักจะเตรียมไฟนีออนไว้ให้ ส่วนหลักในการดูรถเริ่มต้นจาก
- ยืนในตำแหน่งหน้ารถ แล้วนั่งมองลงในระดับฝากระโปรงรถด้านหน้าทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ดูเส้นขอบตรงหน้ารถไปจนถึงท้ายที่เป็นเส้นตรงว่ารอยหรือเส้นขอบ ต่างๆ ผิดเพี้ยนหรือไม่ถ้าดูแล้วมีรอยยุบของเส้นขอบต่างๆ ที่ไม่ต่อเนื่องสันนิษฐานได้ว่ารถคันนี้ได้มีการทำสีมาแล้ว
- เดินดูรอบๆรถโดยดูเส้นขอบของประตูรถเป็นแนวเดียวกันหรือไม่มีรอยโค้ง รอยนูนหรือเว้าหรือไม่ โดยเฉพาะรถรุ่นใหม่ๆ ผู้ผลิตมักจะทำรายริ้วตามตัวถังรถซึ่งถ้ามีร่องรอยชนมา การซ่อมต้องใช้ฝีมือสูงมาก ในการทำกลับมาให้ใกล้เคียงของเดิม
- ดูช่องว่างระหว่างประตูกับวงกบแต่ละบาน
- ดูตัวถังว่ามีการโป๊วสีมาหรือไม่ โดยการใช้นิ้วดีดหรือเคาะเบาๆเพื่อทำการฟังเสียง ตัวรถบริเวณที่มีเสียงทึบมีโอกาสเป็นไปได้ว่ารถได้มีการทำสีมาก่อน เสียงที่ดีต้องเป็นเสียงป๊อกๆ ถือว่าใช้ได้ แต่ก่อนเคาะขออนุญาตเจ้าของรถก่อนนะครับ
- ดูผิวของสีรถว่าเรียบเป็นปกติเหมือนกันทั้งคันหรือไม่ เช่น ผิวสีรถที่มีรอยนูนหรือเว้า หรือลักษณะของสีที่แตกต่างกัน
2. การดูภายในห้องเครื่องยนต์
- ดูที่คานหน้าหม้อน้ำ ทั้งด้านบนและล่าง รูน๊อตยึดต่างๆ กลมเป็นปกติหรือไม่
- ดูสภาพของสีกลมกลืนทั้งห้องเครื่องยนต์หรือไม่ ถ้าสีเหมือนกันแต่พ่นใหม่อาจจะมีการยกเครื่องออกมา เพื่อทำการซ่อมตัวถังหรือซ่อมเครื่องยนต์
- สังเกตสติ๊กเกอร์ NAME PLATE ว่ามีหรือไม่ สภาพเป็นปกติหรือไม่
- ดูร่องน้ำไหล ทั้งซ้ายและขวา ว่ามีรอยบุบหรือคดบ้างหรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้ จะบ่งบอกถึงการเกิดอุบัติเหตุหรือเพียงแค่ทำสีใหม่เท่านั้นซึ่งมีความจำเป็นต้องดูให้ดี
3. การดูเครื่องยนต์
- ดูคราบหรือร่องรอยของการรั่วซึมของน้ำมันเครื่อง
- ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรก คลัทช์ น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ สีต้องเป็นปกติและสะอาด
- ดูระดับน้ำยาหล่อเย็น จะต้องอยู่ในระดับที่กำหนด
- ดูระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ สีและกลิ่นของน้ำมัน
- ดูระดับน้ำมันเครื่องจะต้องอยู่ในระดับที่กำหนด สีและกลิ่นต้องอยู่ในสภาพที่ดี
- ดูสภาพของสายพานต่างๆ จะต้องไม่แตกร้าว และความตึงเหมาะสม
- ตรวจหม้อน้ำ ฝาหม้อน้ำจะต้องไม่รั่วและมีน้ำอยู่ในระดับที่เหมาะสม
- ดูสภาพของสายไฟในห้องเครื่อง จะต้องจัดเก็บเรียบร้อย
- ดูปีผลิตแบตเตอร์รี่ สภาพจะต้องไม่บวม ขั้วแบตเตอร์รี่อยู่ในสภาพดีไม่มีคราบเกลือมากเกินไป
- ติดเครื่องรถเพื่อฟังเสียงของเครื่องยนต์ว่าผิดปกติหรือไม่
- เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้วลองเหยียบคันเร่งในขณะเกียร์ว่างสังเกตว่าเสียงเครื่องยนต์นั้นผิดปกติหรือไม่ และเครื่องยนต์เดินเรียบหรือเปล่า
- เดินไปท้ายรถสังเกตุควันที่ออกจากท่อไอเสีย จะต้องไม่ขาวและดำ ถ้าผิดปกติแสดงว่าเครื่องยนต์ทำงานบกพร่องบางประการ
4. ดูห้องโดยสาร
- แผงหน้าปัดรถให้ดูไฟเตือนต่างๆ ขณะเปิดสวิทซ์กุญแจ ต่อจากนั้นสตาร์ทเครื่องยนต์ ไฟสถานะเตือนต่างๆ จะต้องดับลง
- ดูระบบเครื่องเสียงใช้งานได้ตามปกติหรือไม่
- ดูระบบปรับอากาศ อุณหภูมิของลม ลองปรับตั้งโหมดต่างๆทำงานได้ดีหรือเปล่า
- ไฟส่องสว่างภายในรถ เช็คสัญญาณไฟเลี้ยว ไฟสูง ว่าติดที่หน้าปัดรถหรือไม่ขณะทำการเปิดใช้
- เลื่อนตรวจดูกระจกหน้าต่างทุกบานปิด/เปิดได้หรือไม่
- เบาะนั่งอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้เป็นปกติ สามารถทำการปรับตั้งเบาะได้หรือไม่
5. ดูห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ
- ดูรอยตะเข็บต่างๆ รอยเชื่อม จะต้องไม่ผิดเพี้ยนจากจุดใกล้เคียง
- ดูร่องรอยของการทำสี ว่ามีสีที่ดูใหม่กว่าจุดอื่นหรือไม่
- ดูรางน้ำฝากระโปรง ต้องไม่เสียรูป
หมายเหตุ: ถ้าเป็นในส่วนของรถเก๋งควรเปิดพรมท้ายรถดูว่ามี เครื่องมือ, ยางอะไหล่อยู่หรือเปล่า และตรวจดูว่ามีน้ำขังอยู่หรือไม่ ถ้ามีอาจเกิดจากการรั่วของรอยตะเข็บบริเวณรางน้ำของฝากระโปรงท้ายได้
6. ตรวจสอบช่วงล่าง
- กดรถทางด้านหน้าและหลัง เพื่อดูการทำงานของสปริงจะต้องไม่แข็งและเด้งเร็วเกินไป และใช้ไฟฉายส่องดูว่ามีคราบน้ำมันบริเวณโช๊คอัพหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าน่าจะมีอาการโช๊ครั่ว
- ดูยางทั้ง 4 เส้นว่าสภาพของดอกยางมีการสึกหรอสม่ำเสมอหรือไม่ ถ้าไม่สม่ำเสมอแสดงว่าช่วงล่างและศุนย์ล้อน่าจะมีปัญหาสังเกตยางมีการปริแตก หรือฉีกขาดหรือเปล่า ยางยี่ห้อเดียวกันและรุ่นเดียวกันทั้งหมดหรือไม่ เพราะยางแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น จะมีการออกแบบมาใช้งาน และการบรรทุกจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับการผลิตของยางยี่ห้อนั้นๆ ถ้าใช้ยางผิดประเภทจะทำให้เกิดอันตรายได้
- ระยะฟรีพวงมาลัยจะต้องมีเล็กน้อย ถ้ามากเกินไปเป็นไปได้ว่า ลูกหมากจะมีปัญหา
- ถ้าสามารถทำการตรวจสอบใต้ท้องรถได้ ให้ดูว่ามีการผุกร่อนของตัวถังบริเวณใต้ท้องหรือไม่ แซสซีส์ต้องตรงไม่การ บิดเบี้ยว ผุ หรือทีรอยเชื่อมที่เกิดจากการหักของแซสซีส์
7. การทดสอบโดยการขับขี่
การทดสอบที่ดีที่สุดของการซื้อรถมือสองนั่นก็คือการขับขี่จริง จะทำให้เรารู้จักรถคันนั้นได้ดีที่สุด
- ทดสอบระบบต่างๆ ว่าทำงานได้ดีหรือไม่ ขณะทำการวิ่งทดสอบว่ามีเสียงดังเกิดจากช่วงล่างหรือไม่
- ขณะทำการเร่งเครื่องยนต์ มีเสียงดังผิดปกติหรือไม่
- ขณะรถวิ่งมีเสียงเข้ามาในห้องโดยสารมากน้อยเพียงใด
- เวลารถวิ่งด้วยความเร็วสูงรถต้องเกาะถนนที่ดีพอ และต้องไม่มีอาการส่ายหรือโครงไปมา
- ทดลองเลี้ยวซ้ายและขวาดูว่าช่วงล่างเกิดเสียงดังหรือไม่
- การทำงานของเบรกระบบ ABS ทำงานเป็นปกติหรือไม่
- ทดสอบศูนย์ของรถขณะรถวิ่ง ว่าดึงไปมาข้างหนึ่งข้างใดหรือไม่ และพวงมาลัยตรงพอดีหรือไม่
- คอมเพรสเซอร์แอร์ขณะขับขี่มีเสียงดังเป็นปกติหรือไม่
- หลังจากทดสอบขับแล้วให้ติดเครื่องทิ้งไว้สักครู่ เพื่อดูความผิดปกติอีกครั้ง
8. รถมือสอง ก็ต้องดูเอกสารเล่มทะเบียนรถยนต์
เราจะรู้ประวัติของรถยนต์เบื้องต้นได้โดยการตรวจสอบดูจากเล่มทะเบียนรถยนต์ จะทำให้ทราบว่ารถคันนี้ผ่านการใช้งานมาแล้วกี่ราย มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์และสีของรถยนต์หรือเปล่า การเลือกซื้อรถที่ผ่านการใช้งานมามือเดียว หรือจากเจ้าของคนเดียว จะช่วยให้เราสามารถซักถามประวัติการใช้รถได้ เอกสารที่ควรใส่ใจมากที่สุด คือสมุดจดทะเบียนไม่ควรมีการแก้ไขโดยไม่มีลายมือชื่อของเจ้าหน้าที่ขนส่งเซ็นกำกับ หากสมุดจดทะเบียนมีข้อน่าสงสัยไม่ควรทำการซื้อขายรถคันดังกล่าว เพราะในการซื้อรถมือสองก็ต้องดูตามสภาพความเป็นจริงว่าสภาพรถในขนาดนี้ ราคาก็น่าจะอยู่ประมาณนี้ เพราะถ้าจะเอารถมือสองคุณภาพเทียบเท่ารถใหม่ จะให้ราคาถูกก็คงหาได้ยากหรือหาไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นควรคิดไว้เสมอว่าของถูกและดีไม่มีเสมอไป ควรเลือกแบบที่เหมาะสมกับราคาตามสภาพรถ และวัตถุประสงค์ของการใช้งาน
9. เลือกซื้อ รถมือสอง กับผู้ขายที่ไว้ใจได้
อ่านมาถึงตรงนี้เริ่มรู้สึกว่า มีจุดให้เช็คเต็มไปหมดเลย ซึ่งทางลัดอย่างหนึ่งคือการเลือกซื้อกับผู้ขายที่ไว้ใจได้ วิธีนี้จะช่วยประหยัดเวลาไปได้มากในการเลือกซื้อ คือเรายังต้องตรวจเหมือนเดิม แต่ผู้ขายมืออาชีพจะช่วยเราประหยัดเวลาได้มาก ทั้งเรื่องของความน่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบได้
ถ้าเป็นในการซื้อขายออนไลน์นั้นยังมีเรื่องของการยืนยันตัวตนอีกด้วย ว่ารถคนนั้นมีจริง เจ้าของมีจริง ซึ่งใน Truck2Hand จะมีการให้ผู้ขายยืนยันตัวตนก่อนเสมอถึงจะได้รับเครื่องหมายการยืนยันตัวตนแล้ว หากผู้ขายคนไหนยศเยอะๆแบบนี้ เราวางใจได้ระดับนึงเลย เพราะผู้ขายได้ผ่านการตรวจสอบประวัติมาเรียบร้อยแ้ว
ส่วนใครที่ตามหารถบ้านที่เจ้าของขายเอง ไม่ผ่านคนกลาง เราขอแนะนำให้สังเกต สัญลักษณ์ รถบ้าน ซึ่งเป็นรถที่มาการยืนยันว่าคนขายและเจ้าของรถคือคนเดียวกันแน่นอน
สุดท้ายนี้เมื่อคุณตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้อรถบ้านหรือรถเต็นท์ สิ่งที่ขาดไม่ได้และควรทำมากที่สุดนั่นก็คือเรื่องของการตรวจสอบสภาพรถแบบละเอียด ที่ไม่ใช่แค่ดูผ่าน ๆ แต่ควรมีผู้เชี่ยวชาญช่วย มีเอกสารยืนยัน ตรวจเช็กลงลึก ทดสอบให้ละเอียดทั้งสภาพรถโดยรวมและตอนขับขี่ใช้งาน เพื่อให้มั่นใจที่สุดว่าคุณจะได้ รถมือสอง ในสถาพที่ดีเหมาะสมกับราคา ซึ่งคุณสามารถค้นหารถและเลือกซื้อรถได้ในเว็บ Truck2Hand ซึ่งเป็น ตลาดรถ มือสอง ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆจากผู้ใช้งานที่เพิ่มมากขึ้นอย่างมากมาย
ขอบคุณที่มาของข้อมูลจาก
https://carmana.com/
https://mgronline.com