การซื้อรถมือสองสักคัน หลายคนมักจะบอกว่า ตาดีได้ ตาร้ายเสีย แน่นอนว่าการซื้อรถสักคันไม่ได้ใช้เงินเพียงเล็กน้อย แต่จริงๆแล้ว ถ้าเรารู้ขั้นตอน การ ตรวจรถบรรทุกมือสอง อย่างโปรก่อนซื้อ เราก็ตัดความเสี่ยงตรงนั้นไปได้เยอะเลยทีเดียว
Truck2Hand จะมาแนะนำ 9 ขั้นตอน ตรวจรถบรรทุกมือสอง อย่างโปร ต้องตรวจสอบอะไรบ้าง ง่ายๆแบบที่ไม่โปรก็ทำตามกันได้เช่นกัน ไปดูกันได้เลย
บทความมาแรง
>> รถบรรทุกมือสอง ไม่ติดเวลา ราคาดี อัปเดตปี 2021
>> 9 วิธีดู รถมือสอง เช็คอย่างโปรทำกันยังไง
1. เดินวนรอบรถเพื่อตรวจเช็ครอบรถ
เริ่มจากการตั้งต้นจากหน้าหัวเก๋ง จะเดินทวนเข็มหรือตามเข็มก็ได้ เพื่อให้เช็คได้ครบทั้งคัน แน่นอนครับถ้าเราติดกระดุมเม็ดแรกผิดทุกอย่างก็จะผิดไปหมด ตรวจรถบรรทุกมือสอง ก็เช่นกัน การวางแผนการตรวจสำคัญที่สุด
2. ตรวจสอบหัวเก๋ง
หลักที่ต้องดูคือสีเท่ากันหมดไหม โดยเราจะตรวจด้วยสายตาก่อนก็ได้โดยการส่องไฟหรือที่ที่มีแสงสว่าง ในขณะเดียวกันก็สามารถตรวจด้วยเสียง โดยการเคาะที่ตัวหัวเก๋ง (เคาะเบาๆนะ เดี๋ยวเจ้าของรถด่า) การเคาะที่หัวเก๋งแล้วพบว่าเสียงแต่ละจุดดังไม่เท่ากันหรือมีเสียงทึบๆก็พอจะบอกได้ว่ารถคันนั้นผ่านการโป๊วสีมา นอกจากนี้ก็ต้องดูรอยสนิมตามขอบมุมต่างๆด้วย
3. ตรวจสอบยาง
เบสิคที่สุดคือการดูความลึกดอกยาง นอกจากนี้ก็ต้องดูปีและสัปดาห์ที่ผลิต โดยปกติก็ไม่ควรจะเกิน 3 ถึง 5 ปี พอจะเป็นไกด์ได้ว่ยางมีอายุผ่านมาสักพักนึงแล้ว อีกวิธีที่ลองใช้ดูได้ง่ายๆคือใช้มือกดดูว่ายางนิ่มอยู่ไหม บางทีเจอยางแข็งๆ แปลว่าสภาพก็เริ่มจะไม่โอเคแล้วครับ
4. ตรวจแชสซี
เราสามารถก้มและใช้ไฟส่องดู โดยเบื้องต้นแชสซีต้องไม่มีผุ ไม่มีรอยทะลุ นอกจากนี้ถ้าสีเดิมจากโรงงานทั้งท่อน ถ้าพ่นมาหรือมาการตัดต่อสีจะมีจุดที่แปลกกว่าสีเดิมค่อนข้างชัดเจน หรือถ้าทาสีเดิมปกปิดก็จะเห็นว่ามีรอยนูนากกว่าผิวปกติ ซึ่งกรณีแบบนี้อาจจะมีชนหนักมาก่อน
5. ตรวจตัวถังภายนอก
อย่าในเคสนี้เรายกตัวอย่างตัวถังตู้แห้ง ก่อนอื่นง่ายที่สุดคือดูที่กลอน ต้องลองเปิดประตูทุกบาน โดดยต้องเปิดได้ครบทุกบาน ไม่มีสนิมเกาะ หรือ ติดขัดเปิดไม่ได้ อย่างไรก็ตามตัวถังแต่ละประเภทก็จะมีลักษณะที่ต้องตรวจต่างกันออกไป เช่นถ้าเป็น ตัวถังดัมพ์ ก็ต้องตรวจการทำงานของดัมพ์ กระบอกดัมพ์ เช็คคราบน้ำมันด้วยเช่นกัน
6. ตรวจสอบภายในตัวถัง
ถัดจากภายนอกเข้ามาดูที่ภายในตัวถัง เช็ครอยสนิมและสภาพที่กลอนบานพับ ตรวจสอบรอยผุ รอยน้ำรั่ว รอยสนิม อีกวิธีที่นิยมใช้ในการตรวจตู้แห้งคือการปิดตู้ส่องไฟดูว่ามีแสงลอดเข้ามาหรือไม่ถ้ามีก็หมายถึงตู้มีรอยรั่ว เช่นเดียวกันถ้าเป็นตัวถังประเภทอื่นๆ อย่างแทงค์น้ำหรือน้ำมันก็ควรทดสอบการรั่วของตัวถังด้วยเช่นกัน
7. ตรวจสอบเครื่องยนต์
วิธีการตรวจสอบเครื่องยนต์ของรถบรรทุกมือสองนั้น ก็เริ่มจากพวกน้ำมันและสารหล่อลื่นต่างๆ ตั้งแต่ น้ำมันเครื่อง น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ น้ำมันเกียร์ รวมไปถึงระดับน้ำหล่อลื่นต่างๆ ยกตัวอย่างเช่นถ้าน้ำมันเครื่องถ้าดึงก้านวัดออกมาแล้วน้ำมันต่ำกว่า min แนะนำว่าควรเติมก่อนใช้งาน นอกจากนี้เราสามารถเช็คสายพานเครื่องยนตได้ด้วย โดยต้องไม่หย่อนเกินไป และอีกอย่างที่สามารถใช้สายตาดูได้ง่ายๆคือไม่มีคราบน้ำมันหยด ไม่ว่าจะที่พื้นใต้ท้องรถ หรือ ที่บริเวณห้องเครื่องก็ตาม
8. ฟังเสียงเครื่องยนต์
สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วลองฟังเสียงดู เสียงเครื่องเดินเรียบไม่มีเสียงผิดปกติขึ้นมาเป็นจังหวะๆ หรือไม่มีเสียงผิดปกติที่ฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ นกจากนี้ต้องลองเร่งเครื่องยนต์เพื่อฟังเสียงจังหวะที่เร่งรอบเครื่องให้ครบด้วย นอกจากนี้ก็ไม่ควรมีเสียงสายพาดังเอี๊ยดอ๊าด ระหว่างเดินเครื่องเช่นกัน
9. ตรวจสอบสภาพภายในเก๋ง
ตรวจดูสภาพโดยรวม ความเรียบร้อยตั้งแต่แวบเห็นครั้งแรก กลิ่นอับชื้นต่างๆ ส่วนสภาพที่เช็คด้วยสายตาได้ก็เช่น สภาพคอนโซล ระบบไฟต่างๆต้องลองให้ครบ ลองสตาร์ทเครื่องแล้วดูสวิทช์ไฟฟ้าต่าง เลขกิโล ไฟสัญญาณที่หน้าคอนโซล เช็คไฟสูง ไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟฉุกเฉิน ไฟในเก๋ง และอย่าลืมเช็คระบบแอร์ปรับอากาศนะครับ ตัวนี้สำคัญมากราคาแพงใช้ได้เลยทีเดียว
แน่นอนว่าการตรวจรถบรรทุกนั้นนอกจากต้องใช้เวลาในการตรวจมากกว่า การตรวจรถมือสอง แล้วยังต้องอาศัยความละเอียดในการตรวจสอบอีกด้วย ถ้าเราเลือกพลาดไปสิ่งที่ตามมาก็คือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เราต้องซ่อมรถ ซึ่งอาจจะทำให้เราประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจก็เป็นได้
ดูรถบรรทุกดัมพ์สภาพดี Warranty เหลือๆที่นี่
สรุปการ ตรวจรถบรรทุกมือสอง
ดังนั้นการเลือกซื้อจากผู้ขายที่ไว้ใจได้จึงเป็นทางลัดอีกทางหนึ่ง รถที่ทางผู้ขายตรวจสภาพมาให้เรียบร้อยผ่านทางศูนย์มาตรฐานก็จะไว้ใจได้มากกว่า รถที่ตรวจเองหรือไม่ได้ผ่านการตรวจที่น่าเชื่อถือมา
ดูรถบรรทุกมือสองสภาพดีตรวจสภาพจากศูนย์ ที่นี่
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเราจะเจอรถที่สภาพไม่ได้พร้อม 100% ซึ่งว่ากันตามตรงหาได้ยากมากอยู่แล้ว ความเสียหายบางอย่างก็สึกหรอตามอายุของมัน เราอาจจะใช้ในการคุยกับเจ้าของรถก่อนจะตกลงซื้อกันก่อนก็ได้ และบางครั้งเจ้าของรถก็รับรู้เรื่องนี้อยู่แล้วจึงขายตามสภาพไปเลยก็มีเช่นกัน ดังนั้นต่อให้เช็คเสร็จแล้วไม่ใช่ว่าจ้องเพื่อจะติ เพื่อลดราคา แต่พยายามเข้าในซึ่งกันและกัน และเจรจาในราคาที่ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจก็จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดเช่นกันครับ
บทความมาแรง
>> ทำไมรถบรรทุกสี่ล้อถึงเป็นรถที่น่าลงทุนในยุคนี้